บุคคลสาธารณะ ตอน.พัฒณพงษ์ นาคะพงษ์

บทความนี้คัดลอกมาจากหนังสือ บุก_คนสาธารณะ พิมพ์ครั้งที่ 1 มกราคม พ.ศ.2556
“ผมก็ไม่รู้ว่า บุคคลสาธารณะเป็นอย่างไร แต่ที่ผมทำกิจกรรมต่างๆไปก็เพราะด้วยใจรักและศรัทธา เชื่อว่าสักวันจะมีคนเจริญรอยตาม แค่สักคนเดียวก็ภูมิใจแล้ว และโลกนี้คงจะมีอะไรอะไรที่ดีขึ้น”

พัฒณพงษ์ นาคะพงษ์
อดีตนายกองค์การนิสิต
มหาวิทยาลัยพะเยา ปีการศึกษา 2555

การทำกิจกรรมอาสาสมัครนั้น เริ่มจากการทำกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียน อาทิเช่น เป็นพนักงานธนาคารโรงเรียน วงโยธวาทิต และก็ทำชุมนุมนักสิ่งแวดล้อมรุ่นเยาว์ เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมในบ้านเกิด เป็นต้น

ส่วนแนวคิดการทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น ผมคิดว่า การที่เรามีที่อยู่อาศัย เรากินอิ่มท้องทุกมื้อได้ ก็เพราะเรามีแผ่นดินให้เหยียบ ดังนั้น เราก็ควรที่จะตอบแทนคุณแผ่นดินนี้บ้าง แผ่นดินที่ให้เราทุกอย่าง เราก็ควรจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินนี้   ถึงแม้ว่าพลังในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคมของเราจะมีเพียงน้อยนิด แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย

กิจกรรมเป็นเครื่องหล่อหลอมชีวิต ถ้าให้เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจน ชีวิตคนเราก็คือก้อนหินก้อนหนึ่ง ส่วนกิจกรรมก็คือเครื่องเจียระไนเพชร ลองคิดดูนะครับ ถ้าชีวิตนี้เกิดมาโดยไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง ชีวิตของท่านก็จะเป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดาไร้ค่าก้อนหนึ่ง แต่ถ้าท่านได้ลองทำกิจกรรมต่างๆ ท่านก็จะพบกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆมากมาย ปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้นี่แหละที่จะขัดเกลาตัวท่านเอง เมื่อท่านผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาต่างๆไปได้ ชีวิตของท่านก็จะเป็นดั่งก้อนหินที่ถูกเจียระไนแล้วเจียระไนเล่าจนกลายเป็นเพชรเม็ดงามอันทรงคุณค่าที่ใครหลายๆ คนหมายปอง

จากนิสัยส่วนตัว ที่ชอบพบปะผู้คนมากมาย สนุกที่ได้ทำกิจกรรม ไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซากจำเจ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจในการทำกิจกรรมของผม คุณค่าของการกิจกรรมนั้น  ส่งผลให้เราแกร่งขึ้น ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา หรืออาจจะเรียกได้ว่า “กิจกรรม คือ ภูมิต้านทานทางสังคมของชีวิต” คนที่ทำกิจกรรมมาก่อน เมื่อถึงจุดวิกฤตในสังคม ผู้นั้นจะสามารถแก้ปัญหาได้โดยการหยิบยกเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในตอนที่ทำกิจกรรม จากวิกฤตก็จะกลายเป็นโอกาสทันที

ปัญหามีอยู่กับสังคมทุกยุคทุกสมัย จะแตกต่างกันไปตามพลวัตหรือการเปลี่ยนแปลงของสังคม สังคมในปัจจุบันเจริญกว่าในอดีตมาก ยิ่งเจริญมาก ปัญหาก็ย่อมมีมากไปตามๆกัน ยิ่งปัจจุบันความเจริญทางวัตถุมีมาก ข่าวสารบ้านเมืองรวดเร็ว หากรับเอาไปแบบผิดๆ สังคมก็จะเสื่อม คนก็จะเสื่อมและในที่สุดเราก็จะถูกครอบงำ

นักศึกษากับปัญหาสังคมนั้น สิ่งจำเป็นของนักศึกษาคือ อย่าเรียนรู้แต่ในห้องเรียน ลองเปิดโอกาส เปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง ที่จะเรียนรู้กับสังคมภายนอกห้องเรียน เราควรออกมาเรียนรู้ปัญหาและช่วยกันแก้ไขปัญหาสังคมต่างๆ เท่าที่จะทำได้ ย่อมส่งผลให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น เพราะท่านคือผู้รู้ ท่านคือคนสำคัญที่จะช่วยสังคมที่กำลังป่วยนี้ให้หายป่วยได้

หลักการทำงานที่สำคัญ เมื่อเราต้องการสิ่งใด เราก็ต้องให้สิ่งนั้นก่อน อีกทั้งเราต้องทำให้ผู้คนเห็นว่าสิ่งที่เราทำนั้นดี มีประโยชน์ แล้วผู้คนเหล่านั้น ก็จะเจริญรอยตามเอง อันที่จริงคนเราสัมผัสความจริงของชีวิตอยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ว่าเราจะสัมผัสในด้านใด? ด้านมืดหรือว่าด้านสว่าง โดยสัญชาตญาณของมนุษย์นั้น สามารถแยกออกได้ว่าความจริงของชีวิตสิ่งไหนดี  สิ่งไหนไม่ดี แต่มันก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของมนุษย์เองที่จะเลือกสัมผัสในสิ่งใด? หากเป็นผู้ที่มีจิตใจสูงก็เลือกสัมผัสสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากมีจิตใจต่ำก็คงจะเลือกสัมผัสในสิ่งที่ไม่ดี

ข้อคิดสำคัญ
“จงอย่าหยุดที่จะเรียนรู้  ชีวิตนี้มีอะไรที่ท่านต้องเรียนรู้อีกมาก และอย่าลืมหันกลับไปมองด้านหลังของเรา พ่อ แม่ ผู้มีพระคุณ รวมทั้งแผ่นดินเกิด อันเป็นรากฐานสำคัญแห่งชีวิต”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า